เป็นนกที่มีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับนกกระเรียนชนิดอื่น ส่วนหัวปกคลุมด้วยขน ไม่มีส่วนที่เป็นสีสดของผิวหนังหรือพู่เหมือนนกกระเรียนชนิดอื่น โดยภาพรวมสีขนที่หัว ลำตัวและคอเป็นสีเดียวคือเทาอมฟ้า หากมองในระยะไกลจะดูเป็นสีเทา ขนที่กระหม่อมและหน้าผากสีเทาขาว ขนส่วนแก้ม ต้นคอสีเทาดำ ขนปลายปีก ( primary wing feather ) สีเทาดำ ขนโคนปีก ( tertiaries wing feather ) ค่อนข้างยาวส่วนปลายสีดำ มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขนหาง ทำให้เป็นนกที่มีลักษณะสวยงาม
ร้อยละ 99 ของนกชนิดนี้กระจายพันธุ์ในพื้นที่ประเทศแอฟริกาใต้ หากินในทุ่งหญ้าแห้ง ช่วงฤดูผสมพันธุ์จะใช้พื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวจะอพยพหากินในพื้นที่ระดับต่ำลงมา
เป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ โดยอาหารหลักจะเป็นเมล็ดของพืชกลุ่มหญ้า วัชพืชและกก กินสัตว์กลุ่มแมลงขนาดใหญ่ เช่น ตั๊กแตน สัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก เช่น กบ ปลา ปู หนูขนาดเล็ก
ใชพื้นดินมากกว่านกกระเรียนชนิดอื่น ใช้พื้นที่ทุ่งหญ้าแห้งมากกว่าพื้นที่ชุ่มน้ำ มักพบหากินเป็นคู่หรือครอบครัวขนาดเล็ก
มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์
เป็นสัญลักษณ์และนกประจำชาติของประเทศแอฟริกาใต้
CLASS : Aves
ORDER : Gruiformes
FAMILY : Gruidae
GENUS : Anthropoides
SPECIES : Blue Crane (Anthropoides paradiseus)
สถานะภาพทางการอนุรักษ์ : สิ่งมีชีวิตที่เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์
เป็นนกจับคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว แบบมีสายสัมพันธุ์กันระยะยาว ฤดูผสมพันธุ์อยู่่ในช่วงเดือนกันยายนถึงมีนาคม ส่วนใหญ่วางไข่ครั้งละ 2 ฟอง พ่อและแม่นกจะช่วยกันฟักไข่ ระยะฟักไข่ 30 วัน ลูกนกจะบินได้ในช่วงอายุ 3 - 5 เดือน ช่วงอายุวัยเจริญพันธุ์ุ 3 - 5 ปี
ความสูงเมื่อนกยืนจากหัวด้านบนถึงฝ่าเท้า 100 - 120 เซนติเมตร น้ำหนัก 3.6 - 6.2 กิโลกรัม